วันนี้เจ้าของกระทู้จะมาเขียนวิธีการเลือกซื้อคอมพิวเตอณ์กันนะครับ ที่เจ้าของกระทู้ทำเรื่องนี้เพราะว่าตอนนี้คอมพิวเตอร์ของเจ้าของกระทู้เสียเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ แล้วก็คิดได้ว่าเราต้องทำงานนี้ด้วยก็เลยทำเรื่องนี้ไปในตัว
สำหรับผู้เริ่มใช้คอมพิวเตอร์
ไม่ควรซื้ออุปกรณ์มาประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์เอง
ควรเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จัดขายเป็นชุดให้แล้ว
และเลือกซื้อจากบริษัทที่เชื่อถือได้ เนื่องจากผู้ผลิตได้เลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่เหมาะสมมาประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
แต่สำหรับสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเลือกซื้อชิ้นส่วนต่างๆ
มาประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ตามที่ต้องการ
หรือเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ซีพียู เมนบอร์ด และแรม
อุปกรณ์เหล่านี้มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
หลักในการพิจารณาเลือกซื้ออุปกรณ์แต่ล่ะชนิดมีดังนี้
ซีพียู
เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นปัจจัยแรกในการพิจารณาเมื่อคิดที่จะ
ซื้อหรือประกอบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีผลต่อการเลือกซื้ออุปกรณ์อื่น เช่น
เมนบอร์ด เป็นต้น
และซีพียูยังเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลของเครื่อง
คอมพิวเตอร์อีกด้วย
ในการเลือกซื้อซีพียูสามารถพิจารณาได้จากหลายปัจจัย เช่น บริษัทผู้ผลิต ความเร็วซีพียู แคช ความเร็วบัส
ปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อซีพียู
1) บริษัทผู้ผลิต ในปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตซีพียูชั้นนำ 2 บริษัท คือ
บริษัทอินเทล (Intel Corporation) และบริษัทเอเอ็มดี (Advanced Micro
Devices: AMD) โดยทั้งสองบริษัทได้มีการผลิต
ซีพียูที่แบ่งตามจำนวนของแกนประมวลผล (processing core)
2) ความเร็วของซีพียู ความเร็วของซีพียูนี้ขึ้นอยู่กับความถี่สัญญาณนาฬิกา
ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่คอยกำหนดจังหวะการทำงานประสานของวงจรภายในให้สอด
คล้องกัน สัญญาณดังกล่าวจะมีหน่วยความถี่เป็นเมกะเฮิรตซ์ (megahertz)
หรือล้านครั้งต่อวินาที ถึงระดับกิกะเฮิรตซ์
(gigahertz) หรือพันล้านครั้งต่อวินาที
3) หน่วยความจำแคช (Cache) ในซีพียูมีหน่วยความจำแคช
ซึ่งเป็นหน่วยความจำความเร็วสูง
เพื่อให้การทำงานเร็วขึ้นเนื่องจากแรมมีความเร็วที่ช้ากว่าซีพียูจึงจำเป็น
ที่ต้องมีหน่วยความจำแคชเป็นที่เก็บข้อมูลชั่วคราวเพื่อให้ซีพียูทำงานร่วม
กันได้ดีขึ้น โดยควรพิจารณาเลือกซื้อ
ซีพียูที่มีความจุของหน่วยความจำแคชมาก
4) ความเร็วบัส คือ
ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลระหว่างซีพียูและอุปกรณ์อื่น ๆ
ควรพิจารณาซีพียูที่มีความเร็วของบัสสูงและสอดคล้องกับความเร็วของอุปกรณ์
อื่น เช่น เมนบอร์ด และแรม
เมนบอร์ด (mainboard) หรืออาจเรียกว่า มาเธอร์บอร์ด หรือโมโบ
(mother board: mobo) เป็นแผงวงจรหลักของคอมพิวเตอร์
โดยทั่วไปจะประกอบด้วยช่องสำหรับติดตั้งซีพียู ไบออส ชิปเซ็ต
ช่องสำหรับติดตั้งหน่วยความจำ สายสัญญาณ และบัสต่าง ๆ ขั้วต่อ
สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณืเสริมภายใน เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีไดร์ฟ และพอร์ตต่ออุปกรณ์รอบข้าง เช่น เมาส์ และคีย์บอร์ด
โดยทั่วไปการระบุคุณลักษณะของเมนบอร์ดในชุดคอมพิวเตอร์สำเร็จอาจระบุเฉพาะ
ชนิดหรือจำนวนของพอร์ตและสล็อต เช่น พอร์ต USB หรือสล็อต PCI
ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเมนบอร์ดเท่านั้น
ตัวอย่างชนิดของพอร์ตและสล็อตที่ระบุในแผ่นพับชุดคอมพิวเตอร์สำเร็จ ดังรูป
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเปลี่ยนเมนบอร์ด หรือต้องการซื้อเมนบอร์ด
เพื่อนำมาประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกซื้อเมนบอร์ด เช่น ซ็อกเก็ตซีพียู
ฟรอนต์ไซด์บัส สล็อตหน่วยความจำ ช่องสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือสล็อต
พอร์ต
ขั้วต่อและรูปแบบหรือฟอร์มแฟกเตอร์ ตัวอย่างรายละเอียดเมนบอร์ดที่ระบุขายในเว็บไซต์ ดังรูป
แรม ในการเลือกซื้อแรมเพื่อนำมาใช้งานกับพีซี
มักจะเป็นแรมชนิดดีดีอาร์ เอสดีแรม (Double Data Rate Synchronous Dynamic
RAM: DDR SDRAM) ซึ่งจะต้องพิจารณาประเภทของแรมให้ตรงกับสล็อต
หน่วยความจำบนเมนบอร์ด และสิ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป
ควรให้ความสำคัญในลำดับต่อมา คือ ขนาดความจุและความเร็ว
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย ตัวอย่างการระบุคุณลักษณะของแรม
ดังรูป
ปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อแรม
1) ประเภทของแรม
ต้องพิจารณาเลือกซื้อให้ตรงกับสล็อตหน่วยความจำบนเมนบอร์ดแรมที่ใช้ในพีซี
เช่น DDR , DDR2 และDDR 3
โดยแรมแต่ละชนิดจะมีตำแหน่งรอยบากที่แตกต่างกันดังรูป
เพื่อให้สามารถเสียบแรมบนสล็อตได้ถูกต้อง
2) ความจุ ปัจจุบันแรมมีให้เลือกตั้งแต่ความจุ 256 MB ขึ้นไป
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานด้านกราฟิกหรือมัลติมีเดียระดับสูง
จะใช้แรมที่มีความสูงขึ้นตามไปด้วย
สำหรับครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมักจะติดตั้งแรมความจุ 1 GB ขึ้นไป
บนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์จะมีสล็อตสำหรับติดตั้งแรมมากกว่า 1 ช่อง
ผู้ใช้สามารถติดตั้งแรมได้หลายตัว แต่ต้องเป็นชนิดเดียวกัน
ตามที่สล็อตติดตั้งจะมีให้
โดยความจุแรมของพีซีจะเท่ากับผลรวมจากความจุของแรมทั้งหมด
ตัวอย่างการติดตั้งแรมบนเมนบอร์ด
3) ความเร็วของแรม หมายถึง
จำนวนครั้งที่สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้ภายในหนึ่งวินาที
โดยมีหน่วยวัดเป็นเมกะเฮิรตซ์ (MHz) เช่น DDR3 มีความเร็ว 1,333 MHz
เป็นต้น
ผู้ใช้งานต้องเลือกความเร็วของแรมให้สอดคล้องกับความเร็วบัสของเมนบอร์ดด้วย
ตัวอย่างเช่น
ถ้าระบบบัสบนเมนบอร์ด เช่น (FSB) ทำงานด้วยความเร็ว 1,066 MHz
แต่นำแรมที่มีความเร็ว 1,333 MHz มาใช้งานจะไม่สามารถทำงานที่ความเร็ว
1,333 MHz ได้
ตัวอย่างของระบบบัสบนเมนบอร์ดกับแรมเปรียบได้กับการที่รถวิ่งบนถนนเพื่อไป
ให้ถึงจุดหมาย
ในบางครั้งอาจใช้อัตราการถ่ายโอนข้อมูลในการจำแนกรุ่นของแรม เช่น PC2-5400
คือ แรมชนิด DDR2 -667 ที่มีค่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลประมาณ 5,400 MB/s
หมายถึง ปริมาณข้อมูลที่จะรับส่งได้ภายในหนึ่งวินาที (คำนวณจาก 667 MHz x 8
ไบต์)สำหรับการเลือกแรม
ที่ใช้กับพีซีเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) เป็นอุปกรณ์ในการเก็บข้อมูล
ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันในพีซี โดยทั่วไป คือ ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว
สำหรับฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาด 2.5 และ 1.8 นิ้ว นั้นนิยมใช้กับโน้ตบุ๊ก ดังรูป
การพิจารณาเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น
การเชื่อมต่อ ความจุของข้อมูล และความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ฮาร์ดดิสก์มีราคาแตกต่างกัน
ปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์
1) การเชื่อมต่อ
มาตรฐานการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้งานอยู่บนพีซีในปัจจุบันใช้มาตรฐาน
EIDE และ SATA ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดว่ารับรองการเชื่อมต่อแบบใด
ตัวอย่างการเชื่อมต่อแบบ SATA และ EIDE
2) ความจุของข้อมูล มีหน่วยเป็นกิกะไบต์ (GB) หรือเทระไบต์ (TB)
ซึ่งขนาดความจุข้อมูลของฮาร์ดดิสก์นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน
3) ความเร็วรอบ เป็นอัตราเร็วในการหมุนของฮาร์ดดิสก์เพื่อให้หัวอ่าน-เขียน
เข้าถึงข้อมูลฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วรอบสูงจะทำให้มีอัตราเร็วในการรับส่ง
ข้อมูลสูง โดยทั่วไปฮาร์ดดิสก์ของพีซีจะมีความเร็วรอบอยู่ที่ 7,200
รอบต่อนาที (rpm)
การ์ดแสดงผล (display card , graphics card หรือ video card) ทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลมาเป็นสัญญาณที่ส่งไปที่จอภาพ การ์ดแสดงผลอาจอยู่ในรูปแบบการ์ดหรืออาจติดตั้งมาบนเมนบอร์ดแล้ว
การที่ผู้ใช้ต้องการปรับปรุงการ์ดแสดงผล
เนื่องจากต้องการใช้กับงานที่ต้องการแสดงผลภาพสามมิติได้อย่างคมชัด
ซึ่งคอมพิวเตอร์ชุดสำเร็จที่ผู้ขายจัดให้อาจไม่สามารถแสดงผลภาพดังกล่าวได้
อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อการ์ดแสดงผล เช่น
ชิปประมวลผล กราฟิก การเชื่อมต่อ และความจุของหน่วยความจำบนการ์ด ตัวอย่างการระบุคุณลักษณะของการ์ดแสดงผล
ปัจจัยในการเลือกซื้อการ์ดแสดงผล
1) ชิปประมวลผลกราฟิก หรือจีพียู (graphic processing unit: GPU)
เป็นอุปกรณ์พิเศษที่เพิ่มความเร็วในการแสดงผลโดยลดภาระซีพียูในการคำนวณ
ข้อมูลที่จะส่งไปที่จอภาพ ตัวอย่างการเลือกซื้อจีพียู เช่น
ถ้าต้องการประมวลผลภาพ 3 มิติ อาจใช้ชิปของบริษัท nVIDIA
รุ่น GeForce 9 และ GTX2xx หรือชิปของบริษัท ATi รุ่น Radeon HD 4000
2) การเชื่อมต่อ มี 2 แบบ คือ แบบใช้กับบัส PCI Express และบัส AGP โดย PCI
Express จะมีประสิทธิภาพสูงที่สุดซึ่งสามารถให้ความเร็วสูงสุดได้ถึง 16
GB/s ส่วน AGP มีประสิทธิภาพลองลงมา
3) ความจุของหน่วยความจำบนการ์ด หน่วยความจำบนการ์ด (Video RAM)
เป็นส่วนที่ใช้เก็บข้อมูลภาพที่แสดงบนจอคอมพิวเตอร์
ถ้าความจุของหน่วยความจำมาก จะทำให้แสดงภาพมัลติมีเดียความละเอียดสูงได้ดี
การบอกความจุของหน่วยความจำบนตัวการ์ด เช่น DDR3 512 MB
ออปติคัลดิสก์ไดร์ฟ (Optical disk drive) ที่ใช้กันในปัจจุบัน
เช่น ซีดีไดร์ฟและดีวีดีไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่พีซีทุกเครื่องควรมี
เนื่องจากซีดี/ดีวีดีไดร์ฟมีราคาถูกลงมาก นอกจากนี้สื่อที่ใช้เก็บบันทึก
เช่น แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี มีความจุสูงและมีราคาถูก
การพิจารณาเลือกซื้อออปติคัลดิสก์ไดร์ฟ
จะพิจารณาจากความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูล
ซึ่งแต่ละชนิดจะระบุความเร็วไว้แตกต่างกันตามชนิดของออปติคัลดิสก์ไดร์ฟ
ดังนี้
1. ซีดีไดร์ฟ (Compact Disc Drive: CD Drive) ใช้อ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีได้อย่างเดียว
2. ดีวีดีไดร์ฟ (Digital Versatile Disc Drive: DVD Drive)
ใช้อ่านข้อมูลได้ทั้งแผ่นซีดีและแผ่นดีวีดี
แต่ไม่สามารถเขียนหรือบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดีหรือดีวีดีได้
3. ซีดีอาร์ดับบลิวไดร์ฟ (Compact Disc Rewritable Drive: CD-RW Drive)
สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบนแผ่นซีดีได้มีการระบุค่าความเร็ว เช่น
52x/32x/52x หมายความว่าความเร็วในการเขียน CD-R เท่ากับ 52x
ความเร็วในการเขียนซ้ำ CD-RW เท่ากับ 32x
และความเร็วในการอ่าน CD-ROM เท่ากับ 52x
4. คอมโบไดร์ฟ (Combo Drive) สามารถอ่านและเขียนข้อมูลบนแผ่นซีดี
และอ่านข้อมูลจากแผ่นดีวีดี มีการระบุค่าความเร็ว เช่น 52x/32x/52x/16x
5. ดีวีดีอาร์ดับบลิวไดร์ฟ (Digital Versatile Disc Rewritable Drive:
DVD+RW Drive) สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้ทั้งแผ่นซีดีและแผ่นดีวีดี
มีการระบุค่าความเร็ว เช่น 20x/12x/20x/8x
เคส (case) โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม
ทำหน้าที่เป็นโครงยึดให้กับอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ
ที่ประกอบกันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งเมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ แหล่งจ่ายไฟ
เป็นต้น
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ภายในเคส
หลักในการพิจารณาเลือกซื้อเคส เช่น
- มีช่องระบายอากาศและระบบระบายความร้อน
- มีพื้นที่หรือช่องที่จะเพิ่มอุปกรณ์ได้ เช่น การเพิ่มฮาร์ดดิสก์ การเพิ่มซีดี/ดีวีดีไดร์ฟ
- ลักษณะของเคส เช่น เคสในแนวนอน ที่เรียกว่า เดสก์ท็อปเคส (desktop case)
และเคสในแนวตั้งที่เรียกว่า ทาวเวอร์เคส (tower case)
ตัวอย่างของเคสแบบต่าง ๆ ดังรูป
- ในกรณีที่เป็นการใช้งานโดยทั่วไป อาจเลือกใช้เคสที่มีแหล่งจ่ายไฟ (power
supply) ติดตั้งมาให้สำเร็จแล้ว แต่ถ้าต้องการติดตั้งอุปกรณ์ภายในหลายชิ้น
เช่น ฮาร์ดดิสก์ การ์ดแสดงผลความเร็วสูง และพอร์ต USB
ควรพิจารณาเลือกแหล่งจ่ายไฟที่มีความสามารถสูงขึ้น
จอภาพ (monitor) ที่พบจะมีอยู่ 2 ประเภทคือ จอซีอาร์ที (Cathode
Ray Tube: CRT) และจอแอลซีดี (Liquid Crystal Display: LCD)
ซึ่งในปัจจุบันจอแอลซีดีเป็นที่นิยมมากเนื่องจากมีราคาถูก ถนอมสายตา
ประหยัดพลังงาน และใช้พื้นที่ในการจัดวางน้อย
ตัวอย่างคุณลักษณะของจอภาพดังรูป
ปัจจัยในการเลือกซื้อจอภาพ เช่น
- ความละเอียดของภาพ (resolution) หมายถึง จำนวนจุดหรือพิกเซลบนจอภาพ
ถ้าหากมีความละเอียดสูงจะทำให้ภาพคมชัดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น
จอภาพที่มีความละเอียด 1680 x 1050 เป็นจอภาพที่มีจุดภาพในแนวนอน 1680 จุด
และมีจุดภาพในแนวตั้ง 1050 จุด
- ขนาด (size) ขนาดของจอภาพจะวัดเป็นแนวทแยงมุม เช่น จอแบบ 19 นิ้ว และแบบ 21 นิ้ว
นอกจากนี้จอภาพยังสามารถเลือกความสว่าง (brightness) และความเปรียบต่าง
(contrast) ได้อีกด้วย การแสดงผลของจอภาพนั้นจะต้องมีการ์ดแสดงผล
เป็นตัวประสานงานระหว่างซีพียูกับจอภาพ
โดยสัญญาณภาพจะถูกส่งออกมาจากการ์ดแสดงผลนี้ จอภาพโดย
ทั่วไปจะมีพอร์ตต่อแบบวีจีเอ (Video Graphics Array: VGA)
ซึ่งเป็นตัวรับสัญญาณแอนะล็อกมาจากการ์ดแสดงผล
จอภาพบางรุ่นจะมีพอร์ตต่อแบบดีวีไอ (Digital Video Interface: DVI)
ซึ่งเป็นการรับข้อมูลภาพแบบดิจิทัลซึ่งจะให้ภาพที่คมชัดกว่า
ที่มา:
http://www.thaigoodview.com/node/82319?page=0,5