เพลงสบายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

            Java หรือ Java programming language คือภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ พัฒนาโดย เจมส์ กอสลิง และวิศวกรคนอื่นๆ ที่บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ภาษานี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษาซีพลัสพลัส C++ โดยรูปแบบที่เพิ่มเติมขึ้นคล้ายกับภาษาอ็อบเจกต์ทีฟซี (Objective-C) แต่เดิมภาษานี้เรียกว่า ภาษาโอ๊ก (Oak) ซึ่งตั้งชื่อตามต้นโอ๊กใกล้ที่ทำงานของ เจมส์ กอสลิง แล้วภายหลังจึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อ “จาวา” ซึ่งเป็นชื่อกาแฟแทน จุดเด่นของภาษา Java อยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของตนด้วย Java ได้
ภาษา Java เป็นภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ( OOP : Object-Oriented Programming) โปรแกรมที่เขียนขึ้นถูกสร้างภายในคลาส ดังนั้นคลาสคือที่เก็บเมทอด (Method) หรือพฤติกรรม (Behavior) ซึ่งมีสถานะ (State) และรูปพรรณ (Identity) ประจำพฤติกรรม (Behavior)
java_logo
Java คืออะไร จาวา คือภาษาคอมพิวเตอร์ สำหรับเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ
ข้อดีของ ภาษา Java
– ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อ ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
– โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
-ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
– ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น
– ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้น ด้วยภาษาอื่น เพราะ Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของ
-มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ s/w ต่าง ๆ
ข้อเสียของ ภาษา Java
-ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่ compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีก ทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา
-tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS)

ประวัติภาษา JAVA
           ภาษาจาวา เป็นภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุที่พัฒนาขึ้นโดย  “เจมส์ กอสลิง”   และทีมวิศวกรของเขา ซึ่งบริษัทซันไมโครซิสเต็ม ต้องการนำภาษาจาวามาใช้แทนภาษา  C++  ชื่อของ “จาวา” มาจากชื่อกาแฟที่ทีมวิศวกรของซันดื่มตอนที่ร่วมกันพัฒนาภาษาจาวาขึ้นมา  Java  ถูกคิดค้นและสร้างโดย บริษัท Sun Microsystems ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายระบบ Unix ที่มีชื่อว่า Solaris ซึ่งจุดเด่นของภาษา Java อยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของตนด้วย Java ได้ พัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยของ บริษัท ซันไมโครซิสเต็ม (Sun Microsystems)พัฒนามาจากโครงการที่ต้องการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์เพื่อควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กภายในบ้านชื่อเดิมคือภาษา Oak ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาจาวาภาษาจาวาเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายในปี ค.ศ. 1995ภาษาจาวาเป็นภาษาที่ไม่ขึ้นกับแพลตฟอร์ม (platform independent)JDK 1.0 ประกาศใช้เมื่อปี1996JDK เวอร์ชันปัจจุบันคือ Java 2
วิวัฒนาการของภาษาจาวาจากรุ่นแรกถึงจาวา1.5
1.  (ค.ศ. 1996) — ออกครั้งแรกสุด
2.  (ค.ศ. 1997) — ปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเพิ่ม Inner Class
3.  (4 ธันวาคม ค.ศ. 1998) — รหัส Playground ด้านจาวาแพลตฟอร์มได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน API และ JVM (API สำคัญที่เพิ่มมาคือ Java Collections Framework และ Swing; ส่วนใน JVM เพิ่ม JIT Compiler) แต่ตัวภาษาจาวานั้น เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย (เพิ่มคีย์เวิร์ด strictfp) และทั้งหมดถูกเรียกชื่อใหม่ว่า “จาวา 2″ แต่ระบบเลขรุ่นยังไม่เปลี่ยนแปลง
4.  (8 พฤษภาคม ค.ศ. 2000) — รหัส Kestrel แก้ไขเล็กน้อย
5.  (13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002) — รหัส Merlin เป็นรุ่นที่ถูกใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน (ขณะที่เขียน ค.ศ. 2005)
6.  (29 กันยายน ค.ศ. 2004) — รหัส Tiger (เดิมทีนับเป็น 1.5) เพิ่มคุณสมบัติใหม่ในภาษาจาวา เช่น Annotations ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันว่านำมาจากภาษาซีชาร์ป ของบริษัทไมโครซอฟท์, Enumerations, Varargs, Enhanced for loop, Autoboxing, และที่สำคัญคือ Generics

การพัฒนาการในช่วงเวลาต่าง ๆ
ถูกพัฒนาตั้งแต่ปี 1991 โดยบริษัท Sun Microsystems ซึ่งเป็น ส่วนหนึ่งของ Green Project Write Once Run Anywhere
ค.ศ.1991
บริษัท ซันไมโครซิสเต็ม (Sun Microsystems) ได้ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์เล็กทรอนิคส์ขนาดเล็ก ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่สำคัญคือ ภาษาโอ๊ค (Oak)
ค.ศ.1993
ภาษาโอ๊คได้ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อใช้ในการสร้างเว็บแอพพลิเคชั่น (Web Application) พร้อมกับสร้างเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ที่รองรับ ชื่อว่าเว็บรันเนอร์ (Web Runner)
ค.ศ.1995
บริษัทซันได้เปิดตัวภาษาจาวา (Java) (ภาษาโอ๊คเดิม) พร้อมกับเว็บเบราว์เซอร์ ที่รองรับภาษานี้ ชื่อว่า ฮอตจาวา (HotJava) (WebRunner เดิม)
ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทใหญ่ทั้งเน็ตสเคบ (Netscape), ไมโครซอฟต์ (Microsoft), และ ไอบีเอ็ม (IBM)
บริษัทซัน ได้เริ่มแจกจ่าย Java development Kit (JDK) ซึ่งเป็นชุดพัฒนาโปรแกรมภาษาจาวาในอินเทอร์เน็ต

คุณลักษณะเด่นของภาษา Java
–  ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์
–  โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
–  เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ถึง 4 เท่า และใช้เวลาในการเขียนโปรแกรม น้อยกว่าประมาณ 2 เท่า
–  Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของภาษาจาวา

จุดเด่นของภาษาจาวา
–  ความง่าย (simple)
–  ภาษาเชิงออปเจ็ค (object oriented)
–  การกระจาย (distributed)
–  การป้อ้องกันการผิดพลาด (robust)
–  ความปลอดภัย (secure)
–  สถาปัตัตยกรรมกลาง (architecture neutral)
–  เคลื่อนย้ายง่าย (portable)
–  อินเตอร์พ์พรีต (interpreted)
–  ประสิทธิภาพสูง (high performance)
–  มัลติเธรด (multithreaded)
–  พลวัต (dynamic)

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย

               ก่อนที่เราจะมาดูว่าSocial Network กับนักเรียนและสังคมไทยเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันยังไงบ้าง เราควรรู้ก่อนว่าSocial Network คืออะไร




                  Social Network คือเครือข่ายสังคมออนไลน์  หรือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย  ผ่านผู้ให้บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) บนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook, Blogger, Hi5, Twitter หรือ Tagged เป็นต้น (บางเว็บไซต์ที่กล่าวถึงในตัวอย่าง ปัจจุบันนี้ได้เสื่อมความนิยมแล้ว)  การเชื่อมโยงดังกล่าว ทำให้เกิดเครือข่ายขึ้น เช่น เราสามารถรู้จักเพื่อนของเพื่อนเราได้  เป็นทอดๆ ต่อไปเรื่อย  ทำให้เกิดสังคมเสมือนจริงขึ้นมา  สามารถสร้างคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ได้ง่าย  และเมื่อเราแชร์ (Share) ข้อความหรืออะไรก็ตามลงไปในเครือข่าย  ทุกคนในเครือข่ายก็สามารถรับรู้ได้พร้อมกัน  และสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เราแชร์ได้  เช่น  แสดงความคิดเห็น (Comment)  กดไลค์ (Like) ซึ่งอาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละผู้ให้บริการ  ความโดดเด่นในเรื่องความง่ายของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ทำให้ธุรกิจ และนักการตลาดสนใจที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการ


               คราวนี้เรามาดูกันบ้างว่า Social Network เกี่ยวข้องยังไงกับชีวิตนักเรียนและสังคมไทยบ้าง

               Social Networkได้เข้ามามีบทบาทในสังคมไทยและน้กเรียนเป็นอย่างมาก ไม่ว่างจะเป็นวัยไหนหน่วยงานอะไรต้องผ่านหรือเคยได้ยินมากันหมด เพราะด้วยความที่ Social Network มีความไวด้านการติดต่อ การส่งข้อมูลต่างๆหรือจะเป็นการได้รู้จักผู้คนมากมายทั่วโลกเห็นข่าวต่างๆอย่างรวดเร็วผ่านทาง Social Network เช่น facebook,Hi5, Twitter หรือ Tagged แต่ทุกอย่างไม่ได้ดีเสมอไปถ้าเราใช้มันอย่างไม่คิด ใช้อย่างไม่ถูกวิธีมันก็กลายเป็นอันตรายต่อสังคมได้เช่นกัน เราก็เห็นข่าวร้ายๆที่เกิดจากSocial Networkมากมาย เช่น การหลอกซื้อสินค้าทาง Social Network การหึงหวงทาง Social Network แล้วเกิดการฆ่ากัน เป็นต้น 

              เห็นหรือเปล่าครับว่า Social Network มีทั้งข้อดีแล้วข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้งานมันยังไงให้เกิดประโยชน์กับตัวเราและสังคม ถ้าเรานำไปใช้ในทางไม่ดีอาจจะเป็นภัยอย่างใหญ่หลวงได้



วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ(1)_เนื้อเรื่องเกมGuild War 2

โลกแห่ง Guild War
แปลและเรียบเรียงโดย: 9th TEARDROP

  โ ลกใน GW2 มีนามเก๋ๆว่า ทีเรีย เป็นโลกแฟนตาซีดินแดนแห่งดาบและเวทย์มนต์
อะไรประมาณนั้น แต่ก็มีวิทยาการในเรื่องของปืนและเรือเหาะด้วย ทีเรียตั้งอยู่บน
ดาวที่มีทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นบริวารเหมือนดาวทั่วๆไป โดยมนุษย์ขี้เหม็น
อย่างเราได้เดินทางมาจากต่างดาวเมื่อพันปีที่แล้วด้วยวิทยาการด้านเวทย์มนต์ 


Posted Image

ว่ากันว่ามีบางคนสามารถเดินทางกลับไปยังดาวเก่าได้ แต่ผู้เล่นอย่างเราหมดสิทธิ
เป็นที่แน่นอนและจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องราวของดาวเก่ามากนัก

ทีเรียมีทั้งกลางวันกลางคืน ฤดูร้อนฤดูหนาว มีป่าแม่น้ำภูเขาเหมือนกับโลกเน่าๆของ
เรานี่แหละ ตอนนี้ตัวเกมเผยโลกทีเรียออกมาแค่ 3ทวีปใหญ่ตาม Expansion
ใหม่ที่ออกสำหรับ GW ในความเป็นจริงทีเรียนั้นกว้างหย่ายมวากกแต่เนื่องจากผู้สร้าง
หยุดเพิ่มแพทเพื่อมาสร้าง GW2 หลอกตังเราอีกรอบซะก่อน เราก็เลยยังดักดานอยู่ใน
3ทวีปที่เป็นเพียงส่วนเล็กๆของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น



Posted Image

ทวีปที่ 1: ทีเรีย Tyria
อาจจะงงหน่อยเพราะมันดันใช้ชื่อเดียวกับดาว ทวีปทีเรียเป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุด
ในเกม เป็นดินแดนของบรรดาเผ่าเล็กเผ่าใหญ่ทั้งหลายแหล่ และเป็นทวีปที่
เราจะเล่นกันใน GW2


Posted Image

ทวีปที่ 2: เอลโลน่า Elona
ขยับมาทางใต้ของทีเรียคือทวีปเอลโลน่า หรือที่เรียกกันว่า แดนสุริยะทองคำ
(The Land of the Golden Sun) มีสภาพอากาศร้อนแห้งแล้งคล้ายแอฟริกา
ของเรา แบ่งออกดินแดนของมนุษย์ 3ฝ่าย อิสแตน แวบบิ และคอร์น่า

ในเอลโลน่ายังมีพื้นที่อีกส่วนที่มนุษย์ไม่สามารถอยู่อาศัยได้เรียกว่า เดสโซเลชั่น
ดินแดนร้างแห่งนี้เป็นเสมือนกำแพงธรรมชาติอันโหดร้ายระหว่างทวีปทีเรียกับเอลโลน่า
ที่คร่าชีวิตทุกคนที่พยายามจะผ่านมัน ช่วงหลายปีที่ผ่านมาบรรดาอันเดทได้เข้าครอบ
ครองดินแดนแห่งนี้


Posted Image
ทวีปที่ 3: คานต้า Cantha
เลยมาทางใต้ของเอลโลน่าฝ่าทะเลอันไกลโพ้นยังมีอีกทวีปนามว่า คานต้า
จักรวรรดิ์มังกร (Dragon Empire) มีวัฒนธรรมละม้ายคล้ายเอเชียชาวเรา
นี่เอง แบ่งออกเป็น 4ส่วนใหญ่ๆประกอบด้วย เกาะชิงเจีย เมืองไคเนง
(เป็นที่มาของชื่อเซิฟไข่เหนียวที่พวกเราเล่นกันใน CBT นั่นเอง) ป่าเอคโควาล
และทะเลหยก ด้วยภูมิประเทศที่ห่างไกลทำให้ทวีปนี้แทบไม่มีการติดต่อใดๆ
กับอีก 2ทวีปทางตอนเหนือเท่าใดนัก


Posted Image
แผนที่แสดงการเชื่อมต่อของทั้ง 3 ทวีป

 ต่ใน GW2 เรื่องราวทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นที่ทีเรียเป็นหลัก ที่พล่ามมา
เกี่ยวกับทวีปเอลโลน่าและคานต้านั้นเป็นส่วนของ GW1 เอาเป็นว่ารู้ไว้ก็พอ

กลับมาที่ทวีปที่เป็นที่ๆเราจะเล่นกันใน GW2 ดีกว่า ทั้ง 5เผ่าที่เราจะได้เลือก
เล่นกันนั้นจะกระจุกอยู่ในทีเรีย รวมถึงพวกเผ่าชนกลุ่มน้อยยิบย่อยหอยหลอด
เช่น NPC อื่นๆด้วย เผ่าหลักทั้ง 5ล้วนมีดินแดนและเมืองหลวงของตนดังโน้น



Posted Image
1.Human มนุษย์ผู้เสนอหน้าได้ทุกเกม
ดินแดนของมนุษย์มีนามว่า Kryta (ไครท่า) มีภูมิประเทศเป็นที่ลุ่มป่าเขาลำเนาไพร
และถือเป็นที่มั่นสุดท้ายของมนุษย์หลังจากแตกพ่ายในสงคราม เคยมีเมืองหลวงชื่อ
Lion’s Arch (ไลอ้อนอ๊าค = คุ้มสิงห์) ทางตะวันตกของไครท่า 


Posted Image

แต่ถูกวิกฤตน้ำท่วมจากการที่มหามังกรอันเดททะลึ่งยกเกาะที่เคยจมไปแล้ว
ขึ้นมาบนผิวน้ำ ต่อมาถูกกลุ่มโจรสลัดยึดไว้เป็นซ่องโจรประกาศตนเป็น
ประเทศอิสระ เมืองหลวงในปัจจุบันจึงถอยร่นขึ้นไปทางเหนือชื่อว่า
Divinity’s Reach (ดิวายนิตี้รีช = บรรลุโสดาบัน)



Posted Image
2. Charr ลูกหลานของพ่อเสือหื่นกามข่มขืนแม่วัว
ชาร์ เผ่าหน้าสิงห์ได้ยึดดินแดน Ascalon (แอสคาลอน) ซึ่งเป็นดินแดนในอดีตของ
มนุษย์ไว้เป็นของตนหลังจากสามารถเอาชัยเหนือมนุษย์ในสงครามร้อยปีสำเร็จ
ภูมิประเทศเต็มไปด้วยซากปรักหักพังอันทรุดโทรมจากสงครามอีกทั้งชาร์เองก็ก้าวหน้า
ในเรื่องอุตสาหกรรม 


Posted Image

สภาพแวดล้อมจึงเต็มไปด้วยโรงงานต่างๆและสร้างเมืองหลวงของตนที่ชื่อว่า
Black Citadel (แบลคซิตาเดล = ปราการทมิฬ) ครอบทับบนเมืองหลวงเก่าของ
มนุษย์คล้ายเป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่เหนือผู้ปราชัย 



Posted Image
3. Norn เผ่าผู้ส่งออกน้ำแข็งไสรายใหญ่ที่สุด
ปัจจุบันดินแดนแห่งเผ่านอห์นอยู่ที่ Shiverpeak (ชิเวอร์พีค = ยอดเขาสั่นสะท้าน)
เทือกเขาแห่งความหนาวเย็น พวกเขาได้หนีตายจากการตื่นของมหามังกรน้ำแข็งจาก
ทางเหนือถิ่นเดิมของพวกเขาลงมาแทรกกลางระหว่างดินแดนมนุษย์และชาร์
นอกจากค่ายเล็กๆแล้วนอร์นมักไม่ไม่ค่อยสร้างเมืองใหญ่โตมากนัก นอกจากเมือง
หลวง Hoelbrak (ฮอลบราค) 


Posted Image

Posted Image
4. Sylvari ถั่วงอกแมน
ทางใต้ของแดนมนุษย์คือ Tarnished Coast (ทานิชโคส = หาดแห่ง
ความหม่นหมอง) จู่ๆเมื่อ 25ปีที่แล้วเผ่าซิลวาริได้เกิดขึ้นจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ของที่นี่ พวกเขาเชื่อว่าการถือกำเนิดของพวกเขาสืบเนื่องมากจากผืนโลก
ทีเรียอยู่ในวิกฤติมหามังกร และธรรมชาติต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา
ภูมิประเทศของทานิชโคสเป็นป่าดงดิบขนาดยักษ์ ซิลวาริเรียกถิ่นกำเนิดของ
พวกเขาว่า The Grove (เดอะโกรฟ = แดนพงไพร)


Posted Image


Posted Image
5. Asura บรรพบุรุษของโยดาปรมาจารย์เจได
ทางตะวันตกของทานิชโคสยังเป็นดินแดนของเผ่าอาซูร่าอีกด้วย เผ่าพันธุ์จิ๋ว
ที่ลี้ภัยจากใต้ดินเมื่อมังกรเพลิงได้ตื่นขึ้น พวกเขาฉลาดเป็นกรดถึงขนาด
สร้างเมืองเป็นรูปปิรามิดนามว่า Rata Sum (ราธาซูม) ลอยอยู่เหนือป่า
อันกว้างใหญ่ไพศาล มีวิวัฒนาการด้านเวทย์มนต์สูงและสร้างโกเลมไว้ใช้งาน


Posted Image

Posted Image
ทั้ง 5เผ่าล้วนมีพรมแดนเชื่อมต่อกัน


ทั้ งหมดนั่นคือดินแดนของ 5เผ่าหลัก โดยรอบยังคงมีดินแดนต่างๆมากมาย
ที่คุณจะพบเจอในเกม คุณอาจจะต้องไปเก็บเลวลที่นั่นก็ได้ เรามาดูกันดีกว่า
ว่าแต่ละที่มีประวัติความเป็นมาอย่างไร


Posted Image
Maguuma Wastes (แดนร้างแมกกูม่า)
ดินแดนที่เคยเป็นป่าดงดิบเหมือนทานิชโคสแต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นดินแดน
แห้งแล้งมีแต่หน้าผาและฝุ่นลูกรัง


Posted Image
Verdant Forest (ป่าเขียวขจี)
ทางเหลือของเมืองมนุษย์เป็นป่าโปร่งเวอร์แด๊นฟอเรส เป็นแหล่งกำเนิดของ
พวกเผ่ามารที่มีบทบาทใน GW1 


Posted Image
Crystal Desert (ทะเลทรายคริสตัล)
เดิมเคยเป็นทะเลทรายอันแห้งแล้งแต่ปัจจุบันเริ่มชุ่มชื้นขึ้นบ้าง เนื่องจากแม่
น้ำเอลลอนเริ่มไหลผ่านอีกครั้ง


Posted Image
Ancient Dwarflands (ดินแดนคนแคระโบราณ)
เอนเชี่ยนดวอฟแลนด์ดินแดนที่ตั้งอยู่ปลายสุดของเทือกเขาชิเวอร์พีค เคย
เป็นที่อยู่ของเผ่าคนแคระโบราณที่สาบสูญ


Posted Image
Ruin of Orr (ซากเมืองออร์)
เมืองโบราณของมนุษย์ที่จมลงด้วยอิทธิฤทธิ์ของคัมภีร์ต้องห้ามหาย
ไปในมหาสมุทร มันผุดขึ้นอีกครั้งด้วยพลังของมหามังกรอันเดท


Posted Image
Ring of Fire (วงแหวนแห่งไฟ)
เกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาไฟระอุ และยังเป็นส่วนสุดท้ายของ GW1 อีกด้วย

Posted Image
Blood Region Homeland (มาตุภูมิแห่งแคว้นโลหิต)
ภูมิลำเนาเดิมของเผ่าชาร์ก่อนที่จะมีชัยเหนือมนุษย์และเข้ายึดแอสคาลอน

Posted Image
Far Shiverpeaks (เทือกเขาสั่นสะท้านส่วนนอก)

บ้านเดิมของเหล่านอห์นก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานลงใต้เพื่อเอาชีวิตรอดจากมหามังกร
น้ำแข็งจอร์แมก


Posted Image
มหามังกรในโลก GW

ที เรียกำลังพบกับหายนะเมื่อ มหามังกรโบราณทั้ง 4ได้ตื่นขึ้นและออก
อาละวาดงอแงงุ้งงิ้งไปทั่วโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ พวกมันมีอำนาจล้น
เหลือถึงขนาดก่อให้เกิดกระทบกับภูมิประเทศได้เลยทีเดียว 



Posted Image
Jormag จอร์แมก มหามังกรน้ำแข็ง
เมื่อจอร์แมกตื่นขึ้นออกอาละวาดไปทั่วฟาร์ชิเวอพีค จนเทือกเขาถล่มทลาย
กลายเป็นแอ่งน้ำอยู่กลางทวีป จนนอห์นถึงกับอยู่ไม่ได้ไข่เข่ยชาต้องทิ้งบ้าน
เกิดหนีลงใต้ก่อนที่เป็นหมันสูญพันธุ์ทั้งเผ่า


Posted Image
Kralkatorrick คราลคาธอริค มหามังกรคริสตัล
อีกตัวอย่างของพลังมังกรสามารถมองเห็นได้จากนอกโลกเลยทีเดียว รอย
บากขนาดใหญ่พาดยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ทางตะวันออกของแอสคาลอน
เมื่อคราลคาธอริคตื่นขึ้นและบินลงใต้ ก่อเกิดทุกสรรพสิ่งใต้ร่มปีกให้กลาย
เป็นคริสตัลตลอดแนวยาว


Posted Image
Zhaitan ไซทัน มหามังกรอันเดท
ไซทันถึงกับดึง Ruin of orr เมืองโบราณที่จมหายผุดขึ้นมาบนผืนน้ำกลาย
เป็นฐานกลางทะเลของมัน ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ซัดถล่มทั่วทั้งแนวหาดจนชาว
ทีเรียร่วมพันที่อาศัยอยู่ริมฝั่งจมน้ำตายทันที แถมถูกไซทันสาปให้เป็นข้ารับใช้
อันเดทอีกด้วย


Posted Image
Primordus พรีมมอดัส มหามังกรเพลิง
พรีมมอดัสเป็นมหามังกรตัวแรกที่ตื่นขึ้นบนทีเรีย เป็นเหตุให้เผ่าอาซูร่าต้อง
หนีออกจากรูมาอยู่บนผิวโลกอย่างทุกวันนี้


ที่มา:http://www.dvdgameonline.com/forums/index.php?showtopic=311374

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีกับชีวิตประจำวันของนักเรียน

   ในยุคนี้คงจะไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าเทคโนโลยีไม่มีความจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เพราะทุกคนล้วนใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่การตื่นนอนจนถึงการเข้านอน ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ชีวิตประจำวันมีแต่ความเร่งรีบต้องแข่งขันกับเวลา การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานแล้วยังช่วยย่นระยะเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้สั้นลง
      แต่อย่างไรก็ตาม การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวันก็เปรียบเสมือนดาบสองคม เพราะในบางครั้งก็นำโทษมาให้แก่มนุษย์ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างที่สามารถเห็นได้ชัดเจนก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่เป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ในเรื่องของการถูกลวงไปข่มขืน โดยสาเหตุหลัก ๆ ของการถูกล่อลวงไปข่มขืน ก็เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากการพูดคุยกันผ่านทางโปรแกรมการสนทนาออนไลน์(Chat) ที่เมื่อมีการพูดคุยกันก็มีการนัดมาเจอกันและเกิดเหตุการณ์การล่อลวงไปข่มขืน เพราะการพูดคุยผ่านการChat นี้เป็นการพูดคุยที่อิสรเสรี ผู้พูดสามารถที่จะพูดคุยอะไรออกไปก็ได้ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม และนอกจากนี้ก็ยังมีการนำเสนอเวปไซด์ที่เป็นเวปไซด์โป๊ หรือมีการนำเสนอสิ่งที่อนาจารลงในเวปไซด์ และทำให้เป็นการยั่วยุทางอารมณ์ของผู้เล่นจนนำมาสู่การกระทำอันผิดศีลธรรม และเกิดคดีความได้ และจากการที่สื่ออินเตอร์เน็ตเป็นสื่อเสรีไม่มีองค์กรใด ๆ เข้ามาควบคุมดูและจึงทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นช่องทางหนึ่งในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างกลุ่มคนที่ไม่หวังดี เช่น กลุ่มก่อการร้าย หรือ กลุ่มคนที่ต้องการก่ออาชญากรรม โดยกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะใช้อินเตอร์เน็ตเป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน โดยอาจมีเวปไซด์เป็นกลุ่มของตนเอง หรือใช้การส่ง E-mail เป็นทอด ๆ ระหว่างกันและมีการแปลรหัสจากการส่ง E-mail โดยไม่มีใครสามารถที่จะล่วงรู้ได้ และในบางครั้งก็มีคนที่มีความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างดี คนเหล่านี้ก็นำความเก่งกาจของตนเองมาใช้ในทางที่ผิด เช่น การลักลอบขโมยข้อมูลในองค์กรต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ก่ออาชญากรรม เช่น ลักลอบค้นข้อมูลของบริษัทบัตรเครดิต หรือ ธนาคาร หรือข้อมูลบัชญีเงินฝากและATM เพื่อลักลอบนำเงินไปใช้ นอกจากนี้บางครั้งก็มีการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อปล่อยหรือสร้างข่าวที่มีความบิดเบือน เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน เช่น ในบางครั้งกลุ่มก่อการร้าย ก็อาจใช้สื่ออินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างข่าวบิดเบือน เพื่อจูงใจประชาชนให้มาเข้าร่วมในขบวนการและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก่อการร้าย
    นอกจากนี้จากการที่มนุษย์เราพึ่งพาเทคโนโลยีมากจนเกินไป ก็ทำให้เกิดผลเสียแก่ตัวเราได้ด้วยเช่นกัน เพราะการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปจะทำให้คนเราเกิดความเคยชินจากการนำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวกในชีวิต จนทำให้บางครั้งเราก็ทำอะไรไม่เป็นไม่สามารถคิดอะไรได้เพราะมีเทคโนโลยีมาช่วย และอาจส่งผลให้ในอนาคตมนุษย์จะมีความสามารถลดน้อยลง และเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรต่าง ๆ ก็จะมีความสำคัญมากกว่ามนุษย์
       จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีมีทั้งประโยชน์และโทษ ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีที่ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องไม่ใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดที่จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทั้งตนเองและผู้อื่น และในขณะเดียวกันมนุษย์เราก็จะต้องหันกลับมาพึ่งพาตัวเองบ้าง และใช้เทคโนโลยีเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และในบางครั้งผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองก็ต้องเข้ามาดูแลเด็ก และให้คำแนะนำแก่เด็กด้วยเพื่อไม่ให้เด็กเหล่านี้เข้าไปเสพย์สื่อที่ผิดเบือนและผิดศีลธรรม

ทึ่มา:https://poppygis.wordpress.com/